ผมเชื่อว่าในสมัยตอนที่เราเด็ก ๆ ทุกคนคงเคยดูการ์ตูนเรื่องโดราเอม่อน ท่องโลกอนาคตกันมาแล้วเนื่องจากในยุคนี้จะยังไม่มี Time machine(มีแต่ Time machine ที่เป็นแอปบนmac) ที่จะเดินทางไปรู้เรื่องราวในอนาคตได้ แต่เชื่อเหลือเกินว่า หลายคนคงจะเดา เทรนด์ในโลกอนาคตได้ว่า โลกของเราจะเจริญไปด้วยอะไร และจะถูกขับเคลื่อนด้วยอะไร เพราะมีสัญญาณบ่งบอกแล้วว่า โลกเราจะต้องขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแน่นอน
.

ย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้วเทคโนโลยียังไม่มีบทบาทในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเราในทุกวันนี้ เวลาเราจะติดต่อกันก็ยังเขียนจดหมายเพื่อสื่อสารกับคนในอีกจังหวัด แต่เดี๋ยวนี้ตื่นมาแล้วก็เปิดไลน์ หรือโทรศัพท์หากันได้เลย  แม้แต่เราจะโอนเงิน เดี๋ยวนี้ก็ไม่ต้องไปธนาคาร สามารถโอนเงินผ่านแอปได้เลย กิจกรรมต่างๆ ในยุคสมัยก่อนกับยุคนี้ก็เปลี่ยนไป เด็กเล็ก ๆ เมื่อก่อนก็เล่นหมากเก็บ กระโดดยาง รถบังคับ อะไรประมาณนี้เป็นต้น แต่เด็กสมัยนี้คงอาจจะงงได้ว่าคนสมัยก่อนเล่นอะไรกัน มันสนุกตรงไหน เพราะเด็กสมัยนี้โตมาพร้อมกับเกมคอมพิวเตอร์  เกมในสมาร์ตโฟนสนุก ๆ ที่มีให้เล่นอย่างมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในด้านอุตสหกรรม ก็ล้วนใช้หุ่นยนต์และระบบคอมพิวเตอร์ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ออกมาวางจำหน่าย ทั้งสิ้น สรุปได้ว่าเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกวงการในยุคสมัยนี้ สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังบนการทำงานระบบอัตโนมัตินี้คือ กระบวนการป้อนคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ หรือหน่วยประมวลผลทำงานตามที่เราต้องการทั้งสิ้นหรือที่เรียกว่า Coding

.

มีการสำรวจและวิเคราะห์ความต้องการของตลาดแรงงาน รวมทั้งแนวโน้มของเทคโนโลยีในองค์กรใหญ่ ๆ ทั่วโลก สรุปได้ว่า เด็กในยุคนี้ต้องมีทักษะที่สำคัญ สองส่วนใหญ่คือ

1.ทักษะด้านความรู้ (Hard skills)  ได้แก่ 3R คือ Reading-อ่านออก, (W)Riting-เขียนได้, (A)Rithmatic-มีทักษะในการคำนวณ

2.ทักษะทางด้านอารมณ์ (Soft Skills) ได้แก่ 8C คือ

•  Critical Thinking and Problem Solving : มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแก้ไขปัญหาได้
•  Creativity and Innovation : คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดเชิงนวัตกรรม
•  Collaboration Teamwork and Leadership : ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ
•  Communication Information and Media Literacy : ทักษะในการสื่อสาร และการรู้เท่าทันสื่อ
•  Cross-cultural Understanding : ความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม กระบวนการคิดข้ามวัฒนธรรม
•  Computing and ICT Literacy : ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ และการรู้เท่าทันเทคโนโลยี ซึ่งเยาวชนในยุคปัจจุบันมีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีอย่างมาก
•  Career and Learning Skills : ทักษะทางอาชีพ และการเรียนรู้
•  Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ซึ่งเป็นคุณลักษณะพื้นฐานสำคัญของทักษะขั้นต้นทั้งหมด และเป็นคุณลักษณะที่เด็กไทยจำเป็นต้องมี

แน่นอนว่าไม่สามารถสร้างกันได้ง่าย ๆ ด้วยการบอกกล่าว  แต่ต้องสร้างด้วยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องผ่านการลงมือปฏิบัติจริง มีครูหรือผู้ปกครองทำหน้าที่คอยให้คำแนะนำหรือแนะแนวทาง

Coding จึงเป็นทักษะหนึ่งที่ช่วยให้เด็กคิดทุกเรื่องอย่างเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งจะส่งผลให้เกิดทักษะการแก้ปัญหา คือ สามารถแตกปัญหาออกเป็นส่วนๆ เพื่อหาสาเหตุและวิธีแก้ไขในแต่ละส่วนไปทีละเปลาะ อีกทั้งในแต่ละขั้นตอนการเขียนโค้ดจะได้เรียนรู้ระบบการวางแผน เมื่อฝึกฝนไปสักพักก็จะทำให้เข้าใจหลักการและจับประเด็นได้ดีขึ้น สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีขั้นตอนมากขึ้น ซึ่งจะตอบโจทย์การพัฒนาทักษะที่สำคัญของทักษะในยุคศตวรรษที่ 21 คือ Critical Thinking and Problem Solving และ Creativity and Innovation

.

ปัจจุบันมีการสอน coding  ไหม ? เรียนที่ไหน ? อย่างไร ?

ในปัจจุบันได้มีวิชา วิทยาการคำนวน อยู่ในกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ เป็นวิชาบังคับในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) จากเดิมที่เด็กไทยได้เรียนวิชาคอมพิวเตอร์ในฐานะผู้ใช้ ในหลักสูตรนี้จะสอนให้เป็นผู้เขียน ผู้พัฒนา และได้ฝึกหัดคิดอย่างเป็นระบบคอมพิวเตอร์มากขึ้น

โครงสร้างหลักสูตรแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก

• Computer Science (วิทยาการคอมพิวเตอร์) หัวใจหลักของวิชานี้ ทำให้คิดได้เป็นขั้นตอน โดยใช้การเขียนโปรแกรมมาเป็นเครื่องมือ ตามแนวทาง  Computational Thinking
• ICT (เทคโนโลยีสารสนเทศ) ทำให้สามารถรวบรวมข้อมูล จัดการข้อมูล นำข้อมูลมาประมวลผล และทำการตัดสินใจจากพื้นฐานของข้อมูลได้
• Digital Literacy (รู้เท่าทันดิจิทัล) การรรู้ทันเทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งสามารถสร้างสรรค์ผลงานบนเทคโนโลยีได้

ในหลักสูตรวิทยาการคำนวณนี้ ก็มีการปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงระดับ เช่นในระดับประถมต้นก็จะอาจจะไม่ต้องมีการเขียนโปรแกรมโดยใช้คอมพิวเตอร์ (Unplugged) เป็นการฝึกใช้บัตรคำสั่งเดินขึ้น-ลง-ซ้าย-ขวา เพื่อฝึกทักษะกระบวนการคิด โตมาหน่อยระดับมัธยมศึกษา ก็มีการให้ codingให้เริ่มใช้งานได้จริงวิธีคิดด้วยหลักเหตุและผลจะช่วยเด็ก ๆ ได้มาก เพราะพวกเค้าจะได้เรียนรู้โครงสร้างของคำตอบ และความคิดผ่านการแก้ไขปัญหา ในขั้นตอนดำเนินการต่างๆ  พวกเขาจะได้เห็นเลยว่า การเขียนโค้ดมันช่วยให้เค้าเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวิชาอื่น ๆ ง่ายขึ้น เข้าใจได้รวดเร็วขึ้น เพราะการเขียนโค้ดกับหลักคณิตศาสตร์มันเป็นอะไรที่คล้ายกันมาก ช่วยให้เจ้าตัวเล็กเข้าใจหลักการและจับประเด็นได้ดีขึ้น

.

ในระดับระดับมัธยมปลาย ระดับมหาวิทยาลัย จะมีความ Advance มากขึ้นตามทักษะความรู้ด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ที่ได้เคยเรียนมาทั้งหมด มาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนา ด้วยการcoding ที่ซับซ้อน จนออกมาเป็นแอปอย่างเป็นระบบ มีการลงลึกเกี่ยวกับกับการเขียนโปรแกรมอย่างจริงจัง ในมหาวิทยาลัยคณะวิทยาศาตร์สาขา วิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือคณะวิศกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ โดยภาษาที่ใช้ในการ Coding ก็มีหลากหลายภาษาแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นภาษาคอมพิวเตอร์รุ่นใหญ่อย่าง C++, PHP, Java หรือที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้ก็คือ Python แต่ละภาษาก็มีความเฉพาะเจาะจงในการใช้งานต่างกันออกไป เช่น Objective C มันจะถูกนำไปใช้สำหรับพัฒนาแอพพลิเคชั่นตระกูล iOS เช่น iPhone, iPad หรือภาษาคอมพิวเตอร์อย่าง Java ที่นิยมใช้พัฒนาแอปในฝั่งแอนดรอยด์เป็นต้น ซึ่งสามารถศึกษาข้อมูลในการเขียนโปรแกรมได้จากเว็บไซต์ บทเรียนออนไลน์ เว็บ tutorial ต่าง ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ ส่วนเครื่องมือที่ใช้พัฒนาก็มีมากมายเช่นกัน เช่น Xcode,Visual code studio ฯลฯ
.
.
สรุปได้ว่า coding คือการเขียนโค๊ดป้อนคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่เราต้องการ เป็นการสร้างทักษะที่ใช้กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล เพิ่มทักษะการแก้ปัญหาที่มีการงางแผนอย่างมีระบบ ซึ่งทักษะที่ตอบโจทย์ของเด็กในยุคนี้